วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

บทที่ 1
บทนำ
ความนำ
                ครอบครัว  ถึงแม้จะเป็นหน่วยเล็กหน่วยหนึ่งในสังคม  แต่หน่วยทางสังคมหน่วยเล็กหน่วยนี้   มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง  เป็นพื้นฐานของสังคม  เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดของสมาชิกในสังคม  เป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่อยู่ร่วมกันต้องมีการเรียนรู้และปรับตัว  เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้เป็นครอบครัวใหญ่ในสังคมอย่างสันติ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญแก่ครอบครัวมาเป็นเวลายาวนาน   ตั้งแต่เมื่อ     ปีพ.ศ. 2533 รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี  เป็นวันครอบครัวแห่งชาติด้วย  และเป็นที่สอดคล้องกับในโลกสากล  โดยองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ ปี ค.ศ. 1994   (พ.ศ. 2537) 
                จากอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์และภาวะความทันสมัยที่เน้นปัจเจกบุคคลและค่า นิยมในการบริโภคและวัตถุนิยมมากขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพและแบบแผนของครอบครัว ผลกระทบดังกล่าวจึงส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมา
                                 
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
                1. เพื่อศึกษาปัญหาครอบครัวที่มีอยู่ในปัจจุบัน
                2. เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
สมมุติฐานของการศึกษา
                ปัญหาทางสังคมและการใช้ชีวิตในประจำวัน ก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาภายในครอบครัว ซึ่งปัญหาในแต่ละครอบครัวนั้นมีความแตกต่างกันตามสภาพและสาเหตุของปัญหา
ขอบเขตของการศึกษา
              ด้านเนื้อหา
                1. ความเป็นมาของครอบครัว
2. ความหมายของครอบครัว
3. ลักษณะของครอบครัวไทย
4. สถานการณ์ของครอบครัวไทย
5. แนวโน้มที่เกิดจากผลกระทบจากปัญหาครอบครัว
6. แนวทางการดำเนินงานด้านครอบครัว
                                                          
บทที่ 2
เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง

1. ความเป็นมาของครอบครัว         
                 ครอบครัวเป็นสถาบันสังคมแรกเริ่มที่มีความสำคัญที่สุด  เพราะเป็นสถาบันพื้นฐาน   ที่มีบทบาทสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับมนุษย์ทุกคนในสังคม  เป็นสถาบันแรกที่ทำหน้าที่ทางสังคมในการ  ถ่ายทอดค่านิยม  ปลูกฝังความเชื่อ  สร้างเสริมทัศนคติ กำหนดบุคลิกภาพ วิธีประพฤติปฏิบัติตน รวมทั้งการสร้างบรรทัดฐานทางสังคมให้แก่ สมาชิกรุ่นใหม่ ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสังคมและประเทศครอบครัวจึงเปรียบเสมือนจักรกลชั้นแรกที่ ทำหน้าที่หล่อหลอมบุคลิกภาพของบุคคลให้เป็นไปตามที่สังคมต้องการ นำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข       

2. ความหมายของครอบครัว
                ครอบครัวแต่เดิมมีเพียงผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต ได้แก่ บิดา มารดา บุตร และแม้จะมีเครือญาติ  ก็ยังคงหมายถึงผู้ที่มีความสัมพันธ์กันทางสายโลหิตร่วมกัน เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา     ซึ่งต่อมาได้มีนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547- 2556   ได้กำหนดความหมายของครอบครัวไว้กว้าง ๆ ดังนี้
               “ครอบครัว หมายถึง กลุ่มบุคคลที่มีความผูกพันและใช้ชีวิตร่วมกัน    ทำหน้าที่เป็นสถาบันหลัก เป็นแกนกลางของสังคมที่เป็นรากฐานสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิต ครอบครัวมีหลากหลายรูปแบบและหลายลักษณะ นอกเหนือจากครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งบิดา มารดาและบุตร

3. ลักษณะของครอบครัวไทย
                ครอบครัวไทยแต่เดิมมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย   มีสมาชิกครอบครัว   หลายช่วงอายุอย่างน้อย  3  รุ่น  คือ     1) รุ่นปู่ย่า ตายาย   2) รุ่นพ่อแม่   3) รุ่นลูก   เป็นครอบครัวที่มีความร่วมมือกันในกิจกรรมด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ   การศึกษา   การอบรมเลี้ยงดู   การปลูกฝังจริยธรรมคุณธรรม    และในอดีตครอบครัวมีบทบาทหน้าที่อย่างน้อย  3  ประการ
1. เป็นแหล่งขัดเกลาทางสังคม (socialization)  ให้การอบรม  การเรียนรู้  การสร้างบุคลิกภาพ  ระบบวิธีคิด การให้คุณค่าของสิ่งต่างๆ
2. เป็นแหล่งถ่ายทอดวิชาชีพและฝึกฝนอาชีพ  การบ่มเพาะให้เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มี  คุณภาพ
3. เป็นแหล่งให้การสังคมสงเคราะห์เบื้องต้น มีความเอื้ออาทร ให้ความช่วยเหลือในเครือญาติในสภาวะวิกฤตต่าง ๆ
4. สถานการณ์ของครอบครัวไทย
            สถานการณ์สังคมที่เปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อครอบครัวและบุคคล ครอบครัวจึงเกิดการปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง  รูปแบบ ขนาดของครอบครัวและวิถีชีวิต  รวมทั้งสภาพปัญหาที่มีผลกระทบต่อสถาบันครอบครัว 

   1. โครงสร้างประชากร
             สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดประมาณการประชากร ของประเทศไทยจากปี  2543 – 2568 ไว้ว่า จากปี พ.ศ. 2545 ไปจนถึงปี พ.ศ. 2552  ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการปันผลทางประชากรซึ่งเป็นช่วงที่ประชากรวัยแรง งานยังคงเพิ่มขึ้น หลังจากนี้ประชากรวัยเด็กจะลดลงจากร้อยละ 23.88 ในปี 2545  เป็นร้อย 17.6 ในปี 2568 และสัดส่วนประชากรวัยแรงงานจะลดลงจากร้อยละ 66.38 เป็นร้อยละ  62.05 ขณะที่สัดส่วนประชากรวัยสูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 9.74 ในปี  2545  เป็นร้อยละ 19.99  ในปี 2568 ทำให้ครอบครัวต้องรับภาระในการเลี้ยงดูและการพึ่งพิงสูง

    2 . โครงสร้างของครอบครัว                                                       
             จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างรวด เร็ว มีการอพยพแรงงานเข้าสู่เมืองใหญ่  สังคมไทยซึ่งแต่เดิมเป็นสังคมชนบท มีความเอื้ออาทรต่อกันมีแนวโน้มเป็นสังคมเมืองมากขึ้น  โครงสร้างครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลง จากเดิมในอดีต  ซึ่งเคยเป็นครอบครัวขยาย   แต่จากผลการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 3- 7  ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลักโดยมีนโยบายด้านการวางแผนครอบครัว เพื่อมุ่งลดอัตราการเพิ่มของประชากรในครัวเรือนและนโยบายปรับปรุงคุณภาพ ประชากรและการพัฒนาจิตใจ เพื่อให้มีศักยภาพและมีความพร้อมต่อการพัฒนาและแข่งขันทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการพัฒนาสถาบันครอบครัวในทางอ้อมอัตราการเกิดลดลง ครอบครัวมีอายุยืนและมีความสามารถในการทำงานมากขึ้น ในปี 2545 มีครอบครัวขยายเพียงร้อยละ  32.1 ครอบครัวเดี่ยวมีถึงร้อยละ 55.5  นอกจากนี้    ยังพบว่า หัวหน้าครัวเรือนที่เป็นหญิงมีจำนวนมากขึ้น

   3. รูปแบบครอบครัว
                ผลของการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  นอกจากส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวแล้ว  ในขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อรูปแบบของครอบครัวด้วย  จากข้อมูลสำรวจภาวะการทำงานของประชากร พ.ศ. 2542-2545 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ให้เห็นว่า ครอบครัวไทยในปัจจุบันมิได้ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก และ   เครือญาติดังเช่นแต่ก่อน แต่มีหลายรูปแบบ ดังนี้
     ครอบครัวขยาย    ครอบครัวขยายที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ปู่ย่าตายาย และหรือพี่น้อง ยังคงมีอยู่ในสังคมไทยแต่มีจำนวนลดลง พบว่าปี  2545 มีครอบครัวที่เป็นครอบครัวขยายเพียงร้อยละ 32.1 
     ครอบครัวเดี่ยว  ครอบครัวเดี่ยว ส่วนใหญ่ประกอบด้วยพ่อ แม่และลูก โดยส่วนใหญ่ครอบครัวจะมีลูกจำนวน 1-3  คน ครอบครัวที่อยู่คนเดียว   มีคนที่อาศัยอยู่ตามลำพังมากขึ้น  โดยปี 2542  มีคนที่อาศัยอยู่คนเดียวร้อยละ  11.0 เป็นร้อยละ 11.5 และ  11.8 ในปี 2544  และ 2545 ตามลำดับซึ่งแสดงให้เห็นว่าหญิงหรือชายพอใจที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตามลำพัง    หมายถึงครอบครัวที่มีเพียงพ่อหรือแม่ และลูก เนื่องจากสาเหตุของการหย่าร้าง การเป็นหม้าย แยกทาง การทอดทิ้ง
      ครอบครัวที่รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม คือครอบครัวที่สามีและภรรยาไม่สามารถมีบุตรร่วมกันได้และมีความประสงค์ที่จะ ขอรับเด็กมาอุปการะเป็นบุตรซึ่งมีจำนวนมากขึ้น

   4. ปัญหาวิกฤตของครอบครัว
                 จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างรวด เร็ว  มีการอพยพแรงงานเข้าสู่เมืองใหญ่  สังคมไทยซึ่งแต่เดิมเป็นสังคมชนบท มีความเอื้ออาทรต่อกันมีแนวโน้มเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ซึ่งมีผล  ต่อปฏิสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกครอบครัวทั้งทางลบและทางบวก อันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤติที่ครอบครัวเผชิญอยู่  ดังนี้
                1.  ปัญหาเศรษฐกิจ
                2.  ความสัมพันธ์ในครอบครัว
                3.  การสมรสน้อยลงและการหย่าร้างเพิ่มขึ้น
                4.  เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง
                5. พฤติกรรมไม่เหมาะสมของวัยรุ่น                                   
                6.  ความรุนแรงในครอบครัว
                7.  ยาเสพติด






5. สาเหตุของปัญหาครอบครัว
          นโยบายและแผนในการพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2537 –2546 ได้ชี้ให้เห็นสาเหตุแห่งปัญหาครอบครัวที่สำคัญ ดังนี้
      1.ความไม่พร้อมและไม่ได้เตรียมตัวที่จะเป็นครอบครัว การขาดความพร้อมของพ่อแม่ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านสุขภาพ อายุที่เหมาะสม ไม่เป็นโรคติดต่อความสามารถเพียงพอที่จะประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นต้น
     2.สภาพเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน   ส่งผลกระทบให้ครอบครัวไม่อาจทำ หน้าที่ บทบาทของตนได้อย่างสมบูรณ์ และไม่อาจปรับตนเองได้
     3.สังคมไม่ตระหนักในความสำคัญของครอบครัว  ว่า ครอบครัวมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม จึงขาดจิตสำนึกและพลังร่วมกันจากทุกสถานบันในสังคม
     4.สื่อมวลชนเป็นสถาบันสังคมที่มีอิทธิพล อย่างยิ่งต่อครอบครัวและสมาชิกของสังคมโดยสื่อมวลชนยังไม่ได้ให้ความสนใจใน การพัฒนาครอบครัวเพียงพอ

5. แนวโน้มที่เกิดจากผละกระทบจากปัญหาครอบครัว
                จากอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์และภาวะความทันสมัยที่เน้นปัจเจกบุคลและค่า นิยมในการบริโภคและวัตถุนิยมมากขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพและแบบแผนของครอบครัว   ผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลให้ครอบครัวมีแนวโน้มประสบปัญหา  ดังนี้
     1. โครงสร้างของครอบครัวทั้งในเมืองและในชนบทที่เป็นครอบครัวเดี่ยวจะมีแนวโน้มที่ขนาดของ ครอบครัวเล็กลง
     2. โครงสร้างของครอบครัวที่ประกอบด้วยบุคคลสองวัย คือ ผู้สูงอายุและเด็กจะมีมากขึ้นโดยเฉพาะในชนบทเนื่องจากการที่หนุ่มสาววัยแรง งานอพยพเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่
     3. ผู้สูงอายุในชนบทที่เคยมีบทบาทในการถ่ายทอดคุณธรรมและวัฒนธรรมให้แก่ ลูกหลาน และเป็นวัยที่ควรจะได้รับการดูแล  เอาใจใส่จากลูกหลาน  จะถูกปรับเปลี่ยนบทบาทและรับภาระมากขึ้น
     4. ครอบครัวที่สามีและภรรยาอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการจดทะเบียนสมรสมีมากขึ้น  เนื่องจากค่านิยมในการรักอิสระ และไม่ต้องการพึ่งพิงกัน
     5. ครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตามลำพังมีมากขึ้น  เนื่องจากอัตราการหย่าร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  การแยกกันอยู่ของครอบครัว
     6. การเลี้ยงดูเด็กของครอบครัว   พ่อแม่จะมีระยะเวลาการเลี้ยงลูกและการอยู่กับลูกสั้นลง  เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการให้ความสำคัญกับบทบาททางหน้าที่การงาน มากกว่าครอบครัว
     7. เด็กกำพร้าพ่อหรือแม่หรือทั้งพ่อและแม่อันเนื่องมาจากพ่อแม่เสียชีวิต จากการติดเชื้อเอดส์  มีจำนวนมากขึ้น  จากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม  มหาวิทยาลัยมหิดลประมาณการว่า ในปี  2543  มีกลุ่มเด็กอายุ 0- 5 ปี ที่กำพร้าเพราะพ่อ แม่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ จำนวน  30,845  คน

6. แนวทางการดำเนินงานด้านครอบครัว
                แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่  6  (พ.ศ. 2530 – 2534)  กำหนด ให้มีแผนพัฒนากำลังคน สังคมและวัฒนธรรม  โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมในระดับพื้นฐาน คือ คน ครอบครัวและชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2533
                 แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2535-2539)  เริ่มกำหนดมาตรการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันครอบครัว สนับสนุนความร่วมมือระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ให้เกิดความตระหนักต่อปัญหา การจัดการกับปัญหา การเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านคำปรึกษา

1.  นโยบายและแผนระยะยาวด้านครอบครัว พ.ศ. 2537 - 2546
                 ในปี 2537  คณะอนุกรรมการด้านครอบครัวได้ร่วมกันจัดทำนโยบายและแผนการพัฒนาสถาบันครอบ ครัวขึ้นเป็นครั้งแรก  คือ ร่างนโยบายและแผนระยะยาวด้านครอบครัว พ.ศ.2537 –2546  เพื่อเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาครอบครัวที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น และวันที่ 26  สิงหาคม 2540  คณะรัฐมนตรี

นโยบาย
     1. สนับสนุนให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเพื่อทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตาม   คุณลักษณะของครอบครัวไทยที่พึงประสงค์
     2. ส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวได้เข้าในบทบาทของสามีภรรยา  บิดา มารดาลูกหลาน และผู้สูงอายุ  เพื่อให้ประสานเกื้อกูลความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
     3. ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี และการเคารพในคุณค่าและสิทธิของกันและกันในระหว่างสมาชิกภายในครอบ ครัว                                                                         
     4. รณรงค์ให้มีการคุ้มครองครอบครัว  ตลอดจนสวัสดิการและบริการต่าง ๆ เพื่อพัฒนา   ครอบครัวส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล ข้อสนเทศเกี่ยวกับครอบครัว
     5. ให้มีกลไกดำเนินงาน  การจัดการ การประสานงานและการติดตามและประเมินผลงาน
     6. สนับสนุนให้องค์กรเอกชน  ภาคธุรกิจเอกชน องค์กรชุมชนและประชาคม รวมทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่มีส่วนร่วมในการพัฒนาครอบครัวอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

แผนงาน
     1. แผนพัฒนาศักยภาพครอบครัว         
            ให้ความรู้ด้านการเป็นสามีภรรยาที่ดีและการเป็นบิดามารดาที่เหมาะสม และรับผิดชอบกับคู่สมรสก่อนแต่งงานและเพิ่งแต่งงาน เพื่อเตรียมพร้อมจะมีครอบครัวและเป็นการป้องกันปัญหาครอบครัว    ให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของสามี ภรรยาที่ดี  มีคุณธรรมและการดำเนินชีวิตครอบครัวให้ร่มเย็นเป็นสุข ให้ความรู้ด้านจิตวิทยาของผู้สูงอายุแก่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่มีผู้ สูงอายุ รวมทั้งการเตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
      2. แผนพัฒนาด้านกฎหมาย
      ปรับปรุงกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวกับครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี
และการเคารพในคุณค่าและสิทธิของกันและกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวเผยแพร่ กฎหมาย กฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับครอบครัวและเกี่ยวกับการดำเนินการด้านนิติกรรมที่จำเป็นต่อการ ดำรงชีวิตในครอบครัว
     3. แผนงานด้านคุ้มครองและสวัสดิการ
         พัฒนาคุณภาพและขยายบริการแนะแนวและบริการให้คำปรึกษา หารือเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวให้กระจายตัวมากขึ้น รณรงค์ให้หน่วยงานราชการและภาคเอกชนจัดบริการช่วยแก้ไขปัญหาแก่ครอบครัว และให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่ด้านนี้ให้แก่  องค์กรที่เกี่ยวข้อง
     4. แผนงานด้านวิจัยและด้านข้อมูลข้อสนเทศ
         ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินการศึกษาวิจัยในงานด้านต่าง ๆ เช่น การวิจัยศึกษาสภาวะ โครงสร้าง   เป็นต้น   การวิจัยเปรียบเทียบเรื่องครอบครัวที่มาจากลักษณะเศรษฐกิจและสังคมต่าง ๆ การศึกษาและพัฒนาระบบสวัสดิการครอบครัวที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย
     5. แผนพัฒนากลไก องค์กรชุมชนและประชาคม  การจัดการ  การระดมทรัพยากร  การติดตามและประเมินผลงาน ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นทุกประเภทและระดับมีหน้าที่พัฒนาสถาบันครอบครัวรวม ทั้งให้มีการสนับสนุนส่งเสริมให้ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศมนตรี อาสาสมัคร   ชุมชน เป็นต้น ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นสมาชิกครอบครัวที่รับผิดชอบ ตลอดจนยุติการใช้ความรุนแรงในครอบครัว

2.  ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ
       มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่  20  เมษายน  2547   เห็นชอบในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการที่สำนักงานคณะ กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมตินำเสนอ โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใช้เป็นกรอบใน การจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547 –2556  และแผนปฏิบัติงานปี 2548  ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ ประกอบด้วยสาระสำคัญ
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนา  ประกอบด้วย
      การพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในครอบครัวอย่างเป็นองค์รวม โดย รณรงค์ ให้ความรู้และปรับเจตคติของประชาชนให้มีทักษะชีวิตที่เหมาะสมในทุกช่วงวัย เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนสมรส การเลี้ยงดูและอบรมบุตร การเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรมและจิตสำนึกสาธารณะ ฯลฯ
                การสร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการให้เกื้อหนุนการสร้างครอบครัว ที่เข้มแข็ง โดยการสร้างและปรับระบบ/กลไกการบริหารจัดการส่งเสริมให้กลไกการทำงานของภาคี ต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชนร่วมมือกันอย่างเป็นเครือข่ายในการจัดบริการแก่ครอบครัวแบบ เบ็ดเสร็จ ครบวงจร (One stop service) สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวและเครือญาติบนพื้นฐานวัฒนธรรม ช่วยเหลือเกื้อกูลและเอื้ออาทรซึ่งกันและกันรณรงค์ให้มีการ  ลด ละ เลิกปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของปัญหาครอบครัว เช่น อบายมุข สุรา สถานบันเทิง ฯลฯ
2. นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547-2556
            ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวอย่างเป็นองค์รวมครอบคลุมทุกมิติ   ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว จำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางการดำเนินยุทธศาสตร์หลัก 4 แนวทาง ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์หลักการพัฒนาศักยภาพของครอบครัวแบบองค์รวม
2. ยุทธศาสตร์หลักการสร้างหลักประกันคุ้มครองทางสังคมของครอบครัว
3.  ยุทธศาสตร์หลักการสร้างระบบกลไกบริหารจัดการให้เกื้อหนุนความเข้มแข็งของครอบครัว
4. ยุทธศาสตร์หลักการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายทางสังคมเพื่อพัฒนาครอบครัว

ปรัชญา
                สมาชิกในครอบครัวมีคุณธรรมและจริยธรรม มีความรับผิดชอบ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ปฏิบัติหน้าที่ของตน และมีบทบาทสาคัญในการสร้างคน โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนและสังคมให้มีความสุขและมีคุณภาพ
วิสัยทัศน์
                1. ครอบครัวมีความมั่นคง เข้มแข็ง เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและสันติสุข เป็นแหล่งสร้างและปลูกฝังความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เต็มตามศักยภาพ มีคุณธรรม และเป็นพลังของสังคม
                2. ครอบครัวเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และมีบทบาทสาคัญสาหรับการดาเนินชีวิตให้เจริญเติบโต การคุ้มครองช่วยเหลือ และการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กและเยาวชน ให้สามารถมีความรับผิดชอบต่อตนเองและชุมชน ได้อย่างเต็มที่
                3. ครอบครัวสามารถพึ่งตนเองได้ สมาชิกเคารพในสิทธิของกันและกัน อยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ การให้อภัย และมีความเอื้ออาทร มีความหนักแน่นอดทน มีความรับผิดชอบและรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน
                4. ครอบครัวรู้จักรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย สามารถปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก


พันธกิจ
รัฐและองค์กรทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
1. ให้ความสาคัญและสร้างจิตสานึกร่วมกันพัฒนาสถาบันครอบครัว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่บั่นทอนครอบครัว และคุ้มครอง ช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหา
2. สนับสนุนทรัพยากรและพัฒนากลไกองค์กรและบุคลากรเพื่อพัฒนาสถาบันครอบครัว
3. พัฒนาและเผยแพร่กฎหมาย และองค์ความรู้ด้านครอบครัว

หน่วยงานที่มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาครอบครัว
1. องค์การสหประชาชาติ
2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3. สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
4. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ  มหาวิทยาลัยมหิดล
5. ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน

             
       


บทที่ 3
วิธีดำเนินการ
                รายงานเชิงวิชาการเรื่อง ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
  1. วิธีการรวบรวมข้อมูล
            1.ดำเนินการค้นคว้าข้อมูลตามเนื้อเรื่องที่วางไว้
                2.คัดเลือกข้อมูลที่ตรงตามเนื้อเรื่องที่ศึกษา
                3.รวบรวมข้อมูลที่ได้มาแล้วนำไปวิเคราะห์

2. การวิเคราะห์ข้อมูล
            1.การวิเคราะห์จากสาเหตุของปัญหาครอบครัว
                2.การวิเคราะห์หาแนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว

                    















                                                      
บทที่ 4
ผลการศึกษาค้นคว้า
                รายงานเชิงวิชาการเรื่อง ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำได้ผลการศึกษาดังนี้
            ในการศึกษาค้นคว้าปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน ได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้

แนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
            รู้จักการถนอมน้ำใจกัน   ในการอยู่ร่วมกัน  ต้องมีการรับผิดชอบมากกว่าเดิม เช่นในการ หาเลี้ยงชีพ  การเลี้ยงดู ควรศึกษาพฤติกรรมและสุขภาพของแต่ละฝ่าย ในเรื่องของความพร้อม ความเป็นไปได้ ความเสี่ยงต่อปัญหาภายในอนาคต เช่น ความเป็นแม่ที่ดีของลูก หรือความเป็นพ่อในการแบกรับภาระ มีการวางแผนชีวิตครอบครัวภายในอนาคต ควรเตรียมความพร้อมด้านการเงิน
ให้ความสำคัญกับผู้ที่อุปการะเลี้ยงดู คือบิดา มารดา เช่นการไปเยี่ยมเยื่อน การพูดคุย หรือมั่นทำกิจกรรมร่วมกัน ดูแลเอาใจใส่ เป็นต้น ควรใช้หลักพื้นฐานในการเชื่อใจกัน รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เช่นการคบเพื่อนต่างเพศหรือเพื่อนฝูงเก่าๆในอดีต หรือข่าวลือด้านต่างๆ












บทที่ 5
สรุปและอภิปรายผล
                รายงานเชิงวิชาการเรื่อง ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำขออภิปรายผลดังนี้
                จากสาเหตุปัญหาทางด้านครอบครัวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า ปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ เนื่องจากบิดามารดาต้องไปหางานทำ ซึ่งจะมีผลให้ครอบครัวไม่สามารถทำหน้าที่ บทบาทในการดูแล อบรมเด็กและเยาวชนในครอบครัวได้ดี ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลง เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ความรุนรงในครอบครัวอันเนื่องมาจากความเครียดในการทำงาน นำไปซึ่งปัญหายาเสพติด  ดังนั้นครอบครัวจึงเป็นปัจจัยสำคัญในทุกๆด้าน การป้องกันแก้ไขปัญหาครอบครัวนั้น สมาชิกทุกคนต้องให้เวลาซึ่งกันและกัน เอาแลเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่น มีความเข้าใจกันเป็นพื้นฐาน
                 รู้จักการถนอมน้ำใจกัน ในการอยู่ร่วมกัน การเลี้ยงดูลูกอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่สมรสห่างกันไป  ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายพึงถนอมน้ำใจกัน  หันหน้าเข้าหากัน  ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
















บรรณานุกรม

กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก.
http://www.m-society.go.th/index.php                   

 “ปัญหาครอบครัว” [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก.
http://www.learners.in.th/blogs/posts/336498

รองศาสตราจารย์สุพัตรา สุภาพ ,ปัญหาสังคม , พิมพ์ครั้งที่ 9 , กรุงเทพมหานครฯ : บริษัทโรงพิมพ์วัฒนาพานิช จำกัด , 2533 , ( 129 หน้า )

 สุพัตรา สุภาพ ,ปัญหาสังคม , พิมพ์ครั้งที่ 17 , กรุงเทพมหานครฯ : บริษัทโรงพิมพ์วัฒนาพานิชจำกัด , 2543 , ( 157 หน้า )















1 ความคิดเห็น:

  1. How to get to the Star Casino by Bus from MRT/Wynn/JWynn
    Directions to the Star Casino by Bus (JWynn/Wynn) with public 포항 출장마사지 transportation. 김해 출장안마 The 파주 출장샵 following 나주 출장마사지 transit lines have routes that pass near 포항 출장안마 the

    ตอบลบ