บทที่ 1
บทนำ
ความนำ
ครอบครัว ถึงแม้จะเป็นหน่วยเล็กหน่วยหนึ่งในสังคม แต่หน่วยทางสังคมหน่วยเล็กหน่วยนี้
มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นพื้นฐานของสังคม
เป็นจุดเริ่มต้นของการก่อกำเนิดของสมาชิกในสังคม เป็นส่วนหนึ่งในสังคมที่อยู่ร่วมกันต้องมีการเรียนรู้และปรับตัว
เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้เป็นครอบครัวใหญ่ในสังคมอย่างสันติ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญแก่ครอบครัวมาเป็นเวลายาวนาน
ตั้งแต่เมื่อ ปีพ.ศ. 2533
รัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี
เป็นวันครอบครัวแห่งชาติด้วย และเป็นที่สอดคล้องกับในโลกสากล
โดยองค์การสหประชาชาติได้กำหนดให้ ปี ค.ศ. 1994
(พ.ศ. 2537)
จากอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์และภาวะความทันสมัยที่เน้นปัจเจกบุคคลและค่า
นิยมในการบริโภคและวัตถุนิยมมากขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพและแบบแผนของครอบครัว ผลกระทบดังกล่าวจึงส่งผลให้เกิดปัญหาครอบครัวตามมา
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.
เพื่อศึกษาปัญหาครอบครัวที่มีอยู่ในปัจจุบัน
2. เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
สมมุติฐานของการศึกษา
ปัญหาทางสังคมและการใช้ชีวิตในประจำวัน
ก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาภายในครอบครัว ซึ่งปัญหาในแต่ละครอบครัวนั้นมีความแตกต่างกันตามสภาพและสาเหตุของปัญหา
ขอบเขตของการศึกษา
ด้านเนื้อหา
1.
ความเป็นมาของครอบครัว
2. ความหมายของครอบครัว
3. ลักษณะของครอบครัวไทย
4. สถานการณ์ของครอบครัวไทย
5. แนวโน้มที่เกิดจากผลกระทบจากปัญหาครอบครัว
6. แนวทางการดำเนินงานด้านครอบครัว
บทที่ 2
เนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้อง
1. ความเป็นมาของครอบครัว
“ครอบครัว” เป็นสถาบันสังคมแรกเริ่มที่มีความสำคัญที่สุด เพราะเป็นสถาบันพื้นฐาน
ที่มีบทบาทสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับมนุษย์ทุกคนในสังคม เป็นสถาบันแรกที่ทำหน้าที่ทางสังคมในการ ถ่ายทอดค่านิยม
ปลูกฝังความเชื่อ สร้างเสริมทัศนคติ
กำหนดบุคลิกภาพ วิธีประพฤติปฏิบัติตน รวมทั้งการสร้างบรรทัดฐานทางสังคมให้แก่
สมาชิกรุ่นใหม่ ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาสังคมและประเทศครอบครัวจึงเปรียบเสมือนจักรกลชั้นแรกที่
ทำหน้าที่หล่อหลอมบุคลิกภาพของบุคคลให้เป็นไปตามที่สังคมต้องการ นำไปสู่การดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
2.
ความหมายของครอบครัว
ครอบครัวแต่เดิมมีเพียงผู้ที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต
ได้แก่ บิดา มารดา บุตร และแม้จะมีเครือญาติ ก็ยังคงหมายถึงผู้ที่มีความสัมพันธ์กันทางสายโลหิตร่วมกัน
เช่น ปู่ ย่า ตา ยาย พี่ ป้า น้า อา ซึ่งต่อมาได้มีนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547-
2556 ได้กำหนดความหมายของครอบครัวไว้กว้าง ๆ
ดังนี้
“ครอบครัว หมายถึง กลุ่มบุคคลที่มีความผูกพันและใช้ชีวิตร่วมกัน ทำหน้าที่เป็นสถาบันหลัก เป็นแกนกลางของสังคมที่เป็นรากฐานสำคัญยิ่งต่อการดำรงชีวิต
ครอบครัวมีหลากหลายรูปแบบและหลายลักษณะ นอกเหนือจากครอบครัวที่ครบถ้วนทั้งบิดา
มารดาและบุตร”
3. ลักษณะของครอบครัวไทย
ครอบครัวไทยแต่เดิมมีลักษณะเป็นครอบครัวขยาย
มีสมาชิกครอบครัว หลายช่วงอายุอย่างน้อย 3 รุ่น
คือ 1) รุ่นปู่ย่า
ตายาย 2) รุ่นพ่อแม่ 3) รุ่นลูก เป็นครอบครัวที่มีความร่วมมือกันในกิจกรรมด้านต่าง ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ
การศึกษา การอบรมเลี้ยงดู
การปลูกฝังจริยธรรมคุณธรรม และในอดีตครอบครัวมีบทบาทหน้าที่อย่างน้อย
3 ประการ
1. เป็นแหล่งขัดเกลาทางสังคม (socialization)
ให้การอบรม การเรียนรู้ การสร้างบุคลิกภาพ ระบบวิธีคิด
การให้คุณค่าของสิ่งต่างๆ
2. เป็นแหล่งถ่ายทอดวิชาชีพและฝึกฝนอาชีพ
การบ่มเพาะให้เป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคที่มี คุณภาพ
3. เป็นแหล่งให้การสังคมสงเคราะห์เบื้องต้น
มีความเอื้ออาทร ให้ความช่วยเหลือในเครือญาติในสภาวะวิกฤตต่าง ๆ
4. สถานการณ์ของครอบครัวไทย
สถานการณ์สังคมที่เปลี่ยนแปลงมีผลกระทบต่อครอบครัวและบุคคล
ครอบครัวจึงเกิดการปรับเปลี่ยนทั้งโครงสร้าง รูปแบบ ขนาดของครอบครัวและวิถีชีวิต
รวมทั้งสภาพปัญหาที่มีผลกระทบต่อสถาบันครอบครัว
1. โครงสร้างประชากร
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้คาดประมาณการประชากร
ของประเทศไทยจากปี 2543 – 2568 ไว้ว่า จากปี พ.ศ. 2545
ไปจนถึงปี พ.ศ. 2552 ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการปันผลทางประชากรซึ่งเป็นช่วงที่ประชากรวัยแรง
งานยังคงเพิ่มขึ้น หลังจากนี้ประชากรวัยเด็กจะลดลงจากร้อยละ 23.88 ในปี 2545 เป็นร้อย 17.6 ในปี 2568 และสัดส่วนประชากรวัยแรงงานจะลดลงจากร้อยละ
66.38 เป็นร้อยละ 62.05 ขณะที่สัดส่วนประชากรวัยสูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ
9.74 ในปี 2545 เป็นร้อยละ 19.99
ในปี 2568 ทำให้ครอบครัวต้องรับภาระในการเลี้ยงดูและการพึ่งพิงสูง
2 . โครงสร้างของครอบครัว
จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างรวด
เร็ว มีการอพยพแรงงานเข้าสู่เมืองใหญ่ สังคมไทยซึ่งแต่เดิมเป็นสังคมชนบท
มีความเอื้ออาทรต่อกันมีแนวโน้มเป็นสังคมเมืองมากขึ้น โครงสร้างครอบครัวไทยมีการเปลี่ยนแปลง
จากเดิมในอดีต ซึ่งเคยเป็นครอบครัวขยาย
แต่จากผลการพัฒนาประเทศตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 3-
7 ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลักโดยมีนโยบายด้านการวางแผนครอบครัว
เพื่อมุ่งลดอัตราการเพิ่มของประชากรในครัวเรือนและนโยบายปรับปรุงคุณภาพ ประชากรและการพัฒนาจิตใจ
เพื่อให้มีศักยภาพและมีความพร้อมต่อการพัฒนาและแข่งขันทางเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการพัฒนาสถาบันครอบครัวในทางอ้อมอัตราการเกิดลดลง ครอบครัวมีอายุยืนและมีความสามารถในการทำงานมากขึ้น ในปี 2545 มีครอบครัวขยายเพียงร้อยละ 32.1 ครอบครัวเดี่ยวมีถึงร้อยละ
55.5 นอกจากนี้ ยังพบว่า หัวหน้าครัวเรือนที่เป็นหญิงมีจำนวนมากขึ้น
3.
รูปแบบครอบครัว
ผลของการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นอกจากส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างครอบครัวแล้ว
ในขณะเดียวกันก็ส่งผลต่อรูปแบบของครอบครัวด้วย จากข้อมูลสำรวจภาวะการทำงานของประชากร พ.ศ. 2542-2545 ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ชี้ให้เห็นว่า ครอบครัวไทยในปัจจุบันมิได้ประกอบด้วย
พ่อ แม่ ลูก และ เครือญาติดังเช่นแต่ก่อน
แต่มีหลายรูปแบบ ดังนี้
ครอบครัวขยาย
ครอบครัวขยายที่ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก ปู่ย่าตายาย และหรือพี่น้อง
ยังคงมีอยู่ในสังคมไทยแต่มีจำนวนลดลง พบว่าปี 2545 มีครอบครัวที่เป็นครอบครัวขยายเพียงร้อยละ
32.1
ครอบครัวเดี่ยว
ครอบครัวเดี่ยว ส่วนใหญ่ประกอบด้วยพ่อ แม่และลูก
โดยส่วนใหญ่ครอบครัวจะมีลูกจำนวน 1-3 คน ครอบครัวที่อยู่คนเดียว
มีคนที่อาศัยอยู่ตามลำพังมากขึ้น โดยปี 2542
มีคนที่อาศัยอยู่คนเดียวร้อยละ 11.0 เป็นร้อยละ
11.5 และ 11.8 ในปี
2544 และ 2545 ตามลำดับซึ่งแสดงให้เห็นว่าหญิงหรือชายพอใจที่จะอยู่เป็นโสดมากขึ้น
ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตามลำพัง หมายถึงครอบครัวที่มีเพียงพ่อหรือแม่
และลูก เนื่องจากสาเหตุของการหย่าร้าง การเป็นหม้าย แยกทาง การทอดทิ้ง
ครอบครัวที่รับเด็กเป็นบุตรบุญธรรม
คือครอบครัวที่สามีและภรรยาไม่สามารถมีบุตรร่วมกันได้และมีความประสงค์ที่จะ ขอรับเด็กมาอุปการะเป็นบุตรซึ่งมีจำนวนมากขึ้น
4. ปัญหาวิกฤตของครอบครัว
จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีความซับซ้อนและเป็นไปอย่างรวด
เร็ว มีการอพยพแรงงานเข้าสู่เมืองใหญ่ สังคมไทยซึ่งแต่เดิมเป็นสังคมชนบท มีความเอื้ออาทรต่อกันมีแนวโน้มเป็นสังคมเมืองมากขึ้น
ซึ่งมีผล ต่อปฏิสัมพันธ์ทั้งภายในและภายนอกครอบครัวทั้งทางลบและทางบวก
อันเนื่องมาจากปัญหาวิกฤติที่ครอบครัวเผชิญอยู่ ดังนี้
1.
ปัญหาเศรษฐกิจ
2.
ความสัมพันธ์ในครอบครัว
3.
การสมรสน้อยลงและการหย่าร้างเพิ่มขึ้น
4.
เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง
5. พฤติกรรมไม่เหมาะสมของวัยรุ่น
6.
ความรุนแรงในครอบครัว
7.
ยาเสพติด
5. สาเหตุของปัญหาครอบครัว
นโยบายและแผนในการพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2537 –2546 ได้ชี้ให้เห็นสาเหตุแห่งปัญหาครอบครัวที่สำคัญ ดังนี้
1.ความไม่พร้อมและไม่ได้เตรียมตัวที่จะเป็นครอบครัว
การขาดความพร้อมของพ่อแม่ในด้านต่าง ๆ เช่น ด้านสุขภาพ
อายุที่เหมาะสม ไม่เป็นโรคติดต่อความสามารถเพียงพอที่จะประกอบอาชีพ มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเป็นต้น
2.สภาพเศรษฐกิจ
สังคม และสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน ส่งผลกระทบให้ครอบครัวไม่อาจทำ
หน้าที่ บทบาทของตนได้อย่างสมบูรณ์ และไม่อาจปรับตนเองได้
3.สังคมไม่ตระหนักในความสำคัญของครอบครัว
ว่า ครอบครัวมีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวม
จึงขาดจิตสำนึกและพลังร่วมกันจากทุกสถานบันในสังคม
4.สื่อมวลชนเป็นสถาบันสังคมที่มีอิทธิพล
อย่างยิ่งต่อครอบครัวและสมาชิกของสังคมโดยสื่อมวลชนยังไม่ได้ให้ความสนใจใน การพัฒนาครอบครัวเพียงพอ
5. แนวโน้มที่เกิดจากผละกระทบจากปัญหาครอบครัว
จากอิทธิพลของกระแสโลกาภิวัตน์และภาวะความทันสมัยที่เน้นปัจเจกบุคลและค่า
นิยมในการบริโภคและวัตถุนิยมมากขึ้น ส่งผลต่อค่าครองชีพและแบบแผนของครอบครัว
ผลกระทบดังกล่าวจะส่งผลให้ครอบครัวมีแนวโน้มประสบปัญหา
ดังนี้
1. โครงสร้างของครอบครัวทั้งในเมืองและในชนบทที่เป็นครอบครัวเดี่ยวจะมีแนวโน้มที่ขนาดของ
ครอบครัวเล็กลง
2. โครงสร้างของครอบครัวที่ประกอบด้วยบุคคลสองวัย
คือ ผู้สูงอายุและเด็กจะมีมากขึ้นโดยเฉพาะในชนบทเนื่องจากการที่หนุ่มสาววัยแรง งานอพยพเข้าไปหางานทำในเมืองใหญ่
3. ผู้สูงอายุในชนบทที่เคยมีบทบาทในการถ่ายทอดคุณธรรมและวัฒนธรรมให้แก่
ลูกหลาน และเป็นวัยที่ควรจะได้รับการดูแล เอาใจใส่จากลูกหลาน
จะถูกปรับเปลี่ยนบทบาทและรับภาระมากขึ้น
4. ครอบครัวที่สามีและภรรยาอยู่ร่วมกันโดยไม่มีการจดทะเบียนสมรสมีมากขึ้น
เนื่องจากค่านิยมในการรักอิสระ และไม่ต้องการพึ่งพิงกัน
5. ครอบครัวที่มีพ่อหรือแม่เลี้ยงลูกตามลำพังมีมากขึ้น
เนื่องจากอัตราการหย่าร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
การแยกกันอยู่ของครอบครัว
6. การเลี้ยงดูเด็กของครอบครัว
พ่อแม่จะมีระยะเวลาการเลี้ยงลูกและการอยู่กับลูกสั้นลง
เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจและการให้ความสำคัญกับบทบาททางหน้าที่การงาน
มากกว่าครอบครัว
7. เด็กกำพร้าพ่อหรือแม่หรือทั้งพ่อและแม่อันเนื่องมาจากพ่อแม่เสียชีวิต จากการติดเชื้อเอดส์ มีจำนวนมากขึ้น จากข้อมูลสถาบันวิจัยประชากรและสังคม
มหาวิทยาลัยมหิดลประมาณการว่า ในปี 2543 มีกลุ่มเด็กอายุ 0- 5 ปี ที่กำพร้าเพราะพ่อ แม่เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ จำนวน 30,845 คน
6. แนวทางการดำเนินงานด้านครอบครัว
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 6 (พ.ศ. 2530 – 2534) กำหนด ให้มีแผนพัฒนากำลังคน สังคมและวัฒนธรรม โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาสังคมในระดับพื้นฐาน
คือ คน ครอบครัวและชุมชนมากขึ้น นอกจากนี้รัฐบาลโดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12
กุมภาพันธ์ 2533
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.
2535-2539) เริ่มกำหนดมาตรการเสริมสร้างความมั่นคงของสถาบันครอบครัว
สนับสนุนความร่วมมือระหว่างครอบครัว โรงเรียน ชุมชน ให้เกิดความตระหนักต่อปัญหา
การจัดการกับปัญหา การเปิดศูนย์ให้ความช่วยเหลือด้านคำปรึกษา
1. นโยบายและแผนระยะยาวด้านครอบครัว
พ.ศ. 2537 - 2546
ในปี 2537 คณะอนุกรรมการด้านครอบครัวได้ร่วมกันจัดทำนโยบายและแผนการพัฒนาสถาบันครอบ
ครัวขึ้นเป็นครั้งแรก คือ
ร่างนโยบายและแผนระยะยาวด้านครอบครัว พ.ศ.2537 –2546 เพื่อเป็นนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนาครอบครัวที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
และวันที่ 26 สิงหาคม 2540 คณะรัฐมนตรี
นโยบาย
1. สนับสนุนให้สถาบันครอบครัวมีความมั่นคงเพื่อทำหน้าที่ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ตาม
คุณลักษณะของครอบครัวไทยที่พึงประสงค์
2. ส่งเสริมให้สมาชิกครอบครัวได้เข้าในบทบาทของสามีภรรยา
บิดา มารดาลูกหลาน และผู้สูงอายุ เพื่อให้ประสานเกื้อกูลความสัมพันธ์ภายในครอบครัวให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
3. ปรับปรุงกฎหมาย
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี และการเคารพในคุณค่าและสิทธิของกันและกันในระหว่างสมาชิกภายในครอบ
ครัว
4. รณรงค์ให้มีการคุ้มครองครอบครัว
ตลอดจนสวัสดิการและบริการต่าง ๆ เพื่อพัฒนา ครอบครัวส่งเสริมการศึกษาวิจัยด้านครอบครัวให้มากยิ่งขึ้น รวมทั้งรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล
ข้อสนเทศเกี่ยวกับครอบครัว
5. ให้มีกลไกดำเนินงาน
การจัดการ การประสานงานและการติดตามและประเมินผลงาน
6. สนับสนุนให้องค์กรเอกชน
ภาคธุรกิจเอกชน องค์กรชุมชนและประชาคม รวมทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่มีส่วนร่วมในการพัฒนาครอบครัวอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
แผนงาน
1. แผนพัฒนาศักยภาพครอบครัว
ให้ความรู้ด้านการเป็นสามีภรรยาที่ดีและการเป็นบิดามารดาที่เหมาะสม และรับผิดชอบกับคู่สมรสก่อนแต่งงานและเพิ่งแต่งงาน
เพื่อเตรียมพร้อมจะมีครอบครัวและเป็นการป้องกันปัญหาครอบครัว
ให้ความรู้เกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ของสามี ภรรยาที่ดี
มีคุณธรรมและการดำเนินชีวิตครอบครัวให้ร่มเย็นเป็นสุข ให้ความรู้ด้านจิตวิทยาของผู้สูงอายุแก่ทั้งผู้สูงอายุและครอบครัวที่มีผู้
สูงอายุ รวมทั้งการเตรียมตัวเป็นผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ
2. แผนพัฒนาด้านกฎหมาย
ปรับปรุงกฎหมาย
กฎ ระเบียบที่เกี่ยวกับครอบครัว เพื่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดี
และการเคารพในคุณค่าและสิทธิของกันและกันระหว่างสมาชิกในครอบครัวเผยแพร่
กฎหมาย กฎ ระเบียบ ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับครอบครัวและเกี่ยวกับการดำเนินการด้านนิติกรรมที่จำเป็นต่อการ
ดำรงชีวิตในครอบครัว
3. แผนงานด้านคุ้มครองและสวัสดิการ
พัฒนาคุณภาพและขยายบริการแนะแนวและบริการให้คำปรึกษา
หารือเกี่ยวกับปัญหาครอบครัวให้กระจายตัวมากขึ้น รณรงค์ให้หน่วยงานราชการและภาคเอกชนจัดบริการช่วยแก้ไขปัญหาแก่ครอบครัว และให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน เพิ่มอัตราเจ้าหน้าที่ด้านนี้ให้แก่
องค์กรที่เกี่ยวข้อง
4. แผนงานด้านวิจัยและด้านข้อมูลข้อสนเทศ
ส่งเสริมและสนับสนุนให้มีการดำเนินการศึกษาวิจัยในงานด้านต่าง ๆ เช่น
การวิจัยศึกษาสภาวะ โครงสร้าง เป็นต้น
การวิจัยเปรียบเทียบเรื่องครอบครัวที่มาจากลักษณะเศรษฐกิจและสังคมต่าง
ๆ การศึกษาและพัฒนาระบบสวัสดิการครอบครัวที่เหมาะสมกับสภาพสังคมไทย
5. แผนพัฒนากลไก
องค์กรชุมชนและประชาคม การจัดการ การระดมทรัพยากร การติดตามและประเมินผลงาน ให้องค์กรปกครองท้องถิ่นทุกประเภทและระดับมีหน้าที่พัฒนาสถาบันครอบครัวรวม
ทั้งให้มีการสนับสนุนส่งเสริมให้ข้าราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เทศมนตรี อาสาสมัคร
ชุมชน เป็นต้น ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีในการเป็นสมาชิกครอบครัวที่รับผิดชอบ
ตลอดจนยุติการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ
มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่
20 เมษายน 2547 เห็นชอบในกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการที่สำนักงานคณะ
กรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมตินำเสนอ โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ใช้เป็นกรอบใน
การจัดทำนโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว พ.ศ. 2547 –2556 และแผนปฏิบัติงานปี 2548 ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวแบบบูรณาการ
ประกอบด้วยสาระสำคัญ
1. ยุทธศาสตร์การพัฒนา ประกอบด้วย
การพัฒนาศักยภาพของสมาชิกในครอบครัวอย่างเป็นองค์รวม
โดย รณรงค์ ให้ความรู้และปรับเจตคติของประชาชนให้มีทักษะชีวิตที่เหมาะสมในทุกช่วงวัย
เช่น การเตรียมความพร้อมก่อนสมรส
การเลี้ยงดูและอบรมบุตร การเสริมสร้างจริยธรรม คุณธรรมและจิตสำนึกสาธารณะ
ฯลฯ
การสร้างระบบและกลไกการบริหารจัดการให้เกื้อหนุนการสร้างครอบครัว ที่เข้มแข็ง
โดยการสร้างและปรับระบบ/กลไกการบริหารจัดการส่งเสริมให้กลไกการทำงานของภาคี ต่างๆ
ทั้งภาครัฐ เอกชนและชุมชนร่วมมือกันอย่างเป็นเครือข่ายในการจัดบริการแก่ครอบครัวแบบ
เบ็ดเสร็จ ครบวงจร (One stop service) สร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัวและเครือญาติบนพื้นฐานวัฒนธรรม
ช่วยเหลือเกื้อกูลและเอื้ออาทรซึ่งกันและกันรณรงค์ให้มีการ ลด ละ เลิกปัจจัยที่เป็นต้นเหตุของปัญหาครอบครัว เช่น อบายมุข สุรา
สถานบันเทิง ฯลฯ
2. นโยบายและยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัว
พ.ศ. 2547-2556
ยุทธศาสตร์การพัฒนาสถาบันครอบครัวอย่างเป็นองค์รวมครอบคลุมทุกมิติ
ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว
จำเป็นต้องคำนึงถึงแนวทางการดำเนินยุทธศาสตร์หลัก 4 แนวทาง
ดังนี้
1. ยุทธศาสตร์หลักการพัฒนาศักยภาพของครอบครัวแบบองค์รวม
2. ยุทธศาสตร์หลักการสร้างหลักประกันคุ้มครองทางสังคมของครอบครัว
3. ยุทธศาสตร์หลักการสร้างระบบกลไกบริหารจัดการให้เกื้อหนุนความเข้มแข็งของครอบครัว
4. ยุทธศาสตร์หลักการพัฒนาศักยภาพของเครือข่ายทางสังคมเพื่อพัฒนาครอบครัว
ปรัชญา
สมาชิกในครอบครัวมีคุณธรรมและจริยธรรม
มีความรับผิดชอบ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ปฏิบัติหน้าที่ของตน และมีบทบาทสาคัญในการสร้างคน
โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ครอบครัวมีส่วนร่วมในการสร้างชุมชนและสังคมให้มีความสุขและมีคุณภาพ
วิสัยทัศน์
1. ครอบครัวมีความมั่นคง เข้มแข็ง เป็นบ่อเกิดแห่งความสุขและสันติสุข เป็นแหล่งสร้างและปลูกฝังความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์เต็มตามศักยภาพ
มีคุณธรรม และเป็นพลังของสังคม
2. ครอบครัวเป็นสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ และมีบทบาทสาคัญสาหรับการดาเนินชีวิตให้เจริญเติบโต
การคุ้มครองช่วยเหลือ และการพัฒนาบุคลิกภาพของเด็กและเยาวชน ให้สามารถมีความรับผิดชอบต่อตนเองและชุมชน
ได้อย่างเต็มที่
3. ครอบครัวสามารถพึ่งตนเองได้ สมาชิกเคารพในสิทธิของกันและกัน อยู่กันด้วยความรักความเข้าใจ
การให้อภัย และมีความเอื้ออาทร มีความหนักแน่นอดทน มีความรับผิดชอบและรู้จักบทบาทหน้าที่ของตน
4. ครอบครัวรู้จักรักษาและสืบทอดวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทย สามารถปรับตัวให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสังคมโลก
พันธกิจ
รัฐและองค์กรทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
1. ให้ความสาคัญและสร้างจิตสานึกร่วมกันพัฒนาสถาบันครอบครัว
โดยเฉพาะเด็กและเยาวชน ป้องกันปัจจัยเสี่ยงที่บั่นทอนครอบครัว และคุ้มครอง ช่วยเหลือครอบครัวที่มีปัญหา
2. สนับสนุนทรัพยากรและพัฒนากลไกองค์กรและบุคลากรเพื่อพัฒนาสถาบันครอบครัว
3. พัฒนาและเผยแพร่กฎหมาย และองค์ความรู้ด้านครอบครัว
หน่วยงานที่มีส่วนช่วยในการแก้ปัญหาครอบครัว
1. องค์การสหประชาชาติ
2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3. สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว
4. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
มหาวิทยาลัยมหิดล
5. ศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชน
บทที่ 3
วิธีดำเนินการ
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง
ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำได้ดำเนินการดังต่อไปนี้
1. วิธีการรวบรวมข้อมูล
1.ดำเนินการค้นคว้าข้อมูลตามเนื้อเรื่องที่วางไว้
2.คัดเลือกข้อมูลที่ตรงตามเนื้อเรื่องที่ศึกษา
3.รวบรวมข้อมูลที่ได้มาแล้วนำไปวิเคราะห์
2. การวิเคราะห์ข้อมูล
1.การวิเคราะห์จากสาเหตุของปัญหาครอบครัว
2.การวิเคราะห์หาแนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
บทที่ 4
ผลการศึกษาค้นคว้า
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง
ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำได้ผลการศึกษาดังนี้
ในการศึกษาค้นคว้าปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
ได้ดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูลและนำเสนอผลการวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
แนวทางการแก้ไขปัญหาครอบครัว
รู้จักการถนอมน้ำใจกัน
ในการอยู่ร่วมกัน ต้องมีการรับผิดชอบมากกว่าเดิม
เช่นในการ หาเลี้ยงชีพ การเลี้ยงดู ควรศึกษาพฤติกรรมและสุขภาพของแต่ละฝ่าย
ในเรื่องของความพร้อม ความเป็นไปได้ ความเสี่ยงต่อปัญหาภายในอนาคต เช่น
ความเป็นแม่ที่ดีของลูก หรือความเป็นพ่อในการแบกรับภาระ มีการวางแผนชีวิตครอบครัวภายในอนาคต
ควรเตรียมความพร้อมด้านการเงิน
ให้ความสำคัญกับผู้ที่อุปการะเลี้ยงดู คือบิดา
มารดา เช่นการไปเยี่ยมเยื่อน การพูดคุย หรือมั่นทำกิจกรรมร่วมกัน ดูแลเอาใจใส่ เป็นต้น
ควรใช้หลักพื้นฐานในการเชื่อใจกัน รับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน เช่นการคบเพื่อนต่างเพศหรือเพื่อนฝูงเก่าๆในอดีต
หรือข่าวลือด้านต่างๆ
บทที่ 5
สรุปและอภิปรายผล
รายงานเชิงวิชาการเรื่อง
ปัญหาครอบครัวในปัจจุบัน
คณะผู้จัดทำขออภิปรายผลดังนี้
จากสาเหตุปัญหาทางด้านครอบครัวที่เกิดขึ้นในปัจจุบันจะเห็นได้ว่า
ปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญ คือ ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ
เนื่องจากบิดามารดาต้องไปหางานทำ ซึ่งจะมีผลให้ครอบครัวไม่สามารถทำหน้าที่
บทบาทในการดูแล อบรมเด็กและเยาวชนในครอบครัวได้ดี ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวลดน้อยลง
เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง
ความรุนรงในครอบครัวอันเนื่องมาจากความเครียดในการทำงาน นำไปซึ่งปัญหายาเสพติด ดังนั้นครอบครัวจึงเป็นปัจจัยสำคัญในทุกๆด้าน
การป้องกันแก้ไขปัญหาครอบครัวนั้น สมาชิกทุกคนต้องให้เวลาซึ่งกันและกัน
เอาแลเอาใจใส่ ให้ความรักความอบอุ่น มีความเข้าใจกันเป็นพื้นฐาน
รู้จักการถนอมน้ำใจกัน
ในการอยู่ร่วมกัน การเลี้ยงดูลูกอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้คู่สมรสห่างกันไป
ดังนั้นเมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งทั้งสองฝ่ายพึงถนอมน้ำใจกัน
หันหน้าเข้าหากัน ในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
บรรณานุกรม
“กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์”. [ออนไลน์] เข้าถึงได้จาก.
“ปัญหาครอบครัว”
[ออนไลน์]
เข้าถึงได้จาก.
http://www.learners.in.th/blogs/posts/336498
รองศาสตราจารย์สุพัตรา สุภาพ ,ปัญหาสังคม , พิมพ์ครั้งที่ 9 , กรุงเทพมหานครฯ : บริษัทโรงพิมพ์วัฒนาพานิช จำกัด , 2533 , ( 129 หน้า )
สุพัตรา สุภาพ ,ปัญหาสังคม , พิมพ์ครั้งที่ 17 , กรุงเทพมหานครฯ : บริษัทโรงพิมพ์วัฒนาพานิชจำกัด , 2543 , ( 157 หน้า )